หลักการนำเสนอผลงาน

 การนำเสนอผลงานมีวัตถุประสงค์คือ

              1. ให้ผู้เข้าชมเข้าใจสาระสำคัญของการนำเสนอ

              2. ให้ผู้ชมเกิดความประทับใจ ซึ่งจะนำไปสู่ความเชื่อถือในผลงานที่นำเสนอ

         หลักการขั้นพื้นฐานของการนำเสนอผลงานที่มีจุดเน้นสำคัญคือ

                   1. การดึงดูดความสนใจ

                   2. ความชัดเจนและความกระชับของเนื้อหา

                   3. ความเหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย

        

   เครื่องมือที่ใช้ในการนำเสนอผลงาน

ก่อนยุคคอมพิวเตอร์การนำเสนอผลงานในที่ประชุมสัมมนามักจะใช้เครื่องมือสองอย่างคือ เครื่องฉายสไลด์  และเครื่องฉายแผ่นใส การใช้งานเครื่องฉายสไลด์ค่อนข้างยุ่งยาก

            เมื่ิอมาถึงยุคคอมพิวเตอร์ เครื่องมือที่ใช้ในการนำเสนอก็เปลี่ยนไป เครื่องมืหลัก คือคอมพิวเตอร์และเครื่องฉายภาพจากคอมพิวเตอร์

รูปแบบการนำเสนอผลงาน

อย่างที่เราทราบว่า PowerPoint เป็นหนึ่งในโปรแกรมชุด Microsoft office ของค่ายไมโครซอฟต์ ซึ่งโปรแกรม Microsoft office Xp ชุดนี้ประกอบไปด้วยหลายโปรแกรม อาทิเช่น Microsoft Word . Microsoft Excel. Microsoft Access . Microsoft FronPage. Microsoft Outlook และ Microsoft PowerPoint แต่ละโปรแกรมมีจุดประสงค์การใช้งานที่แตกต่างกันออกไป Word ใช้กับงานเอกสาร. Excel ใช้กับการคำนวณง่ายๆ. Access ใช้กับงานประเภทฐานข้อมูล. FronPage ใช้สร้างเว็บเพจ. Outlook ใช้กับการจัดการงานส่วนบุคคล และPowerPoint ใช้สร้างงานนำเสนอ นอกเหนือจากโปรแกรมข้างต้นแล้วไมโครซอฟต์ยังมีโปรแกรมอื่นๆ ที่เกี่ยวกับงานนำเสนอด้านอื่นอีก เช่น Microsoft Publisher ใช้สำหรับจัดเอกสารสิ่งตีพิมพ์ และ Microsoft Visio ใช้สำหรับการสร้างผังแบบแปลน เป็นต้น
          เมื่อสร้างงานนำเสนอจาก PowerPoint เราไม่ได้ถูกจำกัดให้นำเสนอผ่านทางหน้าจอคอมพิวเตอร์เท่านั้น เรายังสามารถนำเสนอผ่านสื่ออื่นๆได้อีกหลายทาง อาทิเช่น นำเสนอทางอินเทอร์เน็ต แผ่นใส ใบปลิว หรือสไลด์ 35 มม. แต่ที่นิยมนำเสนอโดยใช้คอมพิวเตอร์ก็อาจเป็นเพราะคอมพิวเตอร์สามารถใส่ลูกเล่นในขณะนำเสนอได้หลากหลายตื่นตาตื่นใจมากกว่า
เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจความหลากหลายของการใช้ PowerPoint ผู้เขียนขอแบ่งวิธีการสร้างงานนำเสนอผ่านสื่อหรืออุปกรณ์ต่างๆ ดังนี้
                   1. นำเสนอบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ การดึงเอาศักยภาพสูงสุดของ PowerPointมาใช้คือ การแสดงงานนำเสนอบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ซึ่งสามารถแสดงภาพเคลื่อนไหว หรือลูกเล่นต่างๆได้อย่างครบถ้วน ทั้งภาพ และแสงสี ผู้บรรยายสามารถควบคุมการเปลี่ยนแผ่นสไลด์ได้ด้วยตนเอง หรือจะสั่งให้เล่นอัตโนมัติ และสามารถเลือกจะเป็นผู้บรรยายอธิบายสไลด์สดๆด้วยตนเอง หรือจะอัดเสียงพากบรรยายแบบแห้งก็ได้
นอกจากนี้เรายังสามารถดึงสัญญาณจากคอมพิวเตอร์ไปต่อกับอุปกรณ์วีดีทัศน์ต่างๆได้เช่น นำไปต่อกับเครื่องโปรเจคเตอร์ หรือต่อกับจอทีวีขนาดใหญ่ สิ่งเหล่านี้ช่วยสร้างบรรยากาศการนำเสนอให้สดชื่นมีสีสัน ทำให้ผู้ฟังมีสมาธิจดจ่อกับสิ่งที่เรานำเสนอได้ดี
                   2. นำเสนอในอินเตอร์เน็ต อินเตอร์เน็ตเป็นสื่อชนิดใหม่ที่ผู้คนเข้าใช้เป็นจำนวนมาก และยังเป็นสื่อที่มีสินค้าราคาไม่แพงนัก การจัดทำงานนำเสนอไปแปะไว้บนอินเตอร์เน็ตนั้นเป็นสิ่งที่คุ้มค่า โดยปกติแล้วมักจัดทำงานนำเสนอเกี่ยวกับการเผยแพร่องค์กร เช่น ประวัติความเป็นมา จุดมุ่งหมาย สินค้า บริการ และแนวโน้มในอนาคตของบริษัท หากเราทำงานนำเสนอแบบนี้ได้ดีมีผู้เยี่ยมชมมาก โอกาสทางธุรกิจจะเปิดกว้างกว่าที่เป็นอยู่แน่นอน
                   3. นำเสนอกับเครื่องฉายภาพข้ามศีรษะ เนื่องจากโปรแกรม PowerPointสามารถกำหนดให้ภาพบนสไลด์โปร่งแสง (Transparency) จึงสามารถพิมพ์ลงบนแผ่นใสทั้งแบบสีและขาวดำ เราจึงนำไปใช้กับเครื่องฉายภาพข้ามศีรษะได้
                   4. สไลด์ 35 มม. ผลงานที่เราสร้างจาก PowerPoint สามารถแปลงงานนำเสนอใส่ลงสไลด์ 35 มม. เพื่อนำไปใช้กับเครื่องฉายสไลด์แบบ 35 มม. แต่วิธีนี้ไม่ค่อยนิยมมากนักเพราะเราจะสูญเสียจุดดีของ PowerPoint ในงานนำเสนอไปหลายประการ เช่น ลูกเล่นในการเปลี่ยนสไลด์ หรือเทคนิคแปลกๆในการเปลี่ยนข้อความ
                   5. ใช้สร้างเอกสารสำหรับแจกผู้ฟัง สิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับงานนำเสนอคือ เอกสารประกอบการบรรยาย ภาพในเอกสารนี้จะมีภาพสไลด์รูปเล็กๆทั้งหมดในงานนำเสนอ และบางครั้งอาจมีข้อความบรรยายสไลด์นั้นๆเอกสารนี้มีประโยชน์มาก เพราะขณะที่เราบรรยายอยู่หน้าเวที ผู้ฟังสามารถติดตาม หรือจดโน๊ตย่อสิ่งที่มีประโยชน์ลงไปได้
PowerPoint สามารถพิมพ์เอกสารได้ 4 แบบคือ สไลด์ บันทึกย่อ (หรือเรียกว่า Note)เอกสารประกอบการบรรยาย (Handout) และเค้าโครงร่างที่มีข้อความหลักๆในสไลด์

* กิจกรรม
  รูปแบบการนำเสนอมีอะไรบ้าง